เวลาเอาบัตรเครดิตไปใช้ต่างประเทศ เรามักจะเคยได้ยินคำว่า “ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ” หรือ “ค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน“
การเดินทางไปต่างประเทศ นอกจากการแลกเงินแล้ว
ยังมีการใช้บัตรเครดิตที่ต่างประเทศ เพื่อจองโรงแรม / จองตั๋วเครื่องบิน/ ช้อปปิ้ง ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ
มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างมาดูกันเลย
ค่าธรรมเนียมการบัตรเครดิตใช้ต่างประเทศมีอะไรบ้าง ?
ปกติแล้วเวลาเราเอาบัตรเครดิตไปซื้อของต่างประเทศ (รวมถึงการเบิกเงินสด) เป็นสกุลเงินต่างประเทศ
จะถูกเรียกเก็บเป็นเงินบาทไทย (THB) ตามอัตราแลกเปลี่ยน
ที่ธนาคารถูกเรียกเก็บจากบริษัทบัตรเครดิต เช่น VISA / MasterCard / JCB / UnionPay
ณ วันที่มีการเรียกเก็บยอดค่าใช้จ่าย
แต่ถ้าสกุลเงินต่างประเทศดังกล่าว ไม่ใช่เป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD)
ยอดนั้น ๆ จะถูกแปลงเป็นสกุลเงิน USD ก่อนที่จะทำการ แปลงเป็นสกุลเงินบาท THB
เช่น ถ้าเอาบัตรเครดิตไปซื้อของที่ญี่ปุ่นเป็นเงินเยน จะคิดจาก JPY -> USD -> THB
แต่ถ้าเอาไปรูดที่สหรัฐอเมริกา เป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD) ก็จะคิดจาก USD -> THB เลย
โดยการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนได้:
กรณีบัตร VISA:
http://usa.visa.com/personal/card-benefits/travel/exchange-rate-calculator.jsp
กรณีบัตร MasterCard:
https://www.mastercard.com/global/currencyconversion/index.html
กรณีบัตร JCB:
http://www.jcb.co.jp/r/globalrate.html
กรณีบัตร UnionPay:
http://en.unionpay.com/front_ExchangeRate.html
ที่นี้หลังจากที่มีคิดการแปลงสกุลเงินต่างประเทศแล้ว
ธนาคารจะคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน หรือ Foreign exchange risk อีกที
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการแปลงสกุลเงินดังกล่าวข้างต้น
แล้วแบบนี้รูดบัตรเครดิตต่างประเทศ ใช้บัตรเครดิตธนาคารไหนดี ?
จากที่ไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของธนาคารต่าง ๆ ก็พบว่า แต่ละธนาคารจะคิดค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน “ไม่เท่ากัน” เช่น
บัตรเครดิตธนาคาร | ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน |
---|---|
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ซิตี้แบงค์ (Citibank) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารกรุงไทย (KTC) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
บัตรเครดิตเซ็นทรัล (Central Card) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารทหารไทย (TMB) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
บัตรเครดิตเทสโก้-โลตัส (Tesco) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารธนชาติ (Tanachart) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารแห่งประเทศจีน | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารยูโอบี (UOB) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
อเมริกัน เอ็กซ์เพรส | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
เฟิร์สช้อยส์ (FirstChoice) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
อิออน (AEON) | ไม่เกิน 2.5% ของยอดค่าใช้จ่าย |
ไอซีบีซี (ICBC) | ไม่เกิน 2% ของยอดค่าใช้จ่าย |
จากข้อมูลค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินด้านบนจะเห็นได้ว่า
บัตรเครดิตที่คิดเรทดี ก็มี บัตรเครดิตของ Krungsri / KTC / Central Card / etc. ที่คิดเป็น 2% ของยอดค่าใช้จ่ายเท่านั้น
แต่ทั้งนี้จะดูแต่เรทนี้ไม่ได้ เพราะยังมีเงื่อนไขการคิดเงินอีก
เช่น ถ้าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นใช้เงินสกุลเยน JPY (เป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้สกุลเงิน USD)
แนะนำให้ใช้บัตรเครดิต JCB เพราะเรทดีกว่า อ่านเพิ่มเติมได้ที่ …