ไปจีนครั้งนี้ มีหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะเรื่องมลพิษทางอากาศและเสียงลดน้อยลงไปมาก
รถยนต์ที่นั่นเริ่มหันมาใช้รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric vehicle (EV) มากขึ้น
วิธีสังเกตง่าย ๆ ให้ดูที่สีของทะเบียนรถ ถ้าสีเขียวเป็นสีพื้น คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน ขณะที่แผ่นป้ายทั่วไปเป็นสีน้ำเงิน
ส่วนรถ 2 ล้อที่นี่ เท่าที่เห็นจะเป็นคล้ายจักรยานที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า ขี่เต็มไปหมดทั้งบนถนนและฟุตบาท หมวกกันน็อคก็ไม่ใส่ แต่รถที่นี่ขับกันไม่เร็วมาก ข้อดีของรถแบบนี้คือเงียบและไม่ก่อมลพิษ ข้อเสียที่เจอคือหันมาอีกที เกือบโดนชนละ
รถ Taxi ที่นี่เกือบทั้งหมด เป็น EV Tax คือ ใช้ไฟฟ้าล้วน ๆ ไม่ใช้น้ำมันเลย เท่าที่เห็นส่วนมากเป็นยี่ห้อ BYD (ยี่ห้อเดียวกับ EV Taxi ที่ สุวรรณภูมิ) อาจเป็นเพราะโรงงานของ BYD อยู่ที่นี่
มารู้จักแบรนด์รถยนต์นี้กัน BYD ย่อมาจาก Build Your Dream เดิมที BYD ผลิตแบตเตอรี่มาก่อน
ปัจจุบัน BYD กลายเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ครบวงจร โดยใช้กลยุทธ์ 7 + 4
7 คือ การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าใน 7 ประเภท ได้แก่ รถโค้ช, แท็กซี่, รถโลจิสติกส์, รถก่อสร้าง (ขนปูน), รถบัส, รถยนต์ส่วนบุคคล, รถทำความสะอาดถนน
4 คือ การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า สำหรับใช้ใน 4 พื้นที่เฉพาะ เช่น รถใช้ในเหมือง, รถถ่ายโอนสินค้าทางเรือ, รถในคลังสินค้า, รถบัสในสนามบิน
ในต่างประเทศการใช้ รถที่ใช้พลังงานทดแทน รัฐบาลจะสนับสนุนค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องราคา / ภาษี / ฯลฯ อีกทั้งยังช่วยรถมลพิษ เรื่อง ฝุ่น ควัน และเสียง
หวังว่าประเทศไทยจะหันมาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง หรือมากขึ้นก็ยังดี
ส่วนเรื่องการพัฒนาของเมืองของเซินเจิ้น (Shenzhen, 深圳) มณฑลกวางตุ้ง เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรกของจีน ตั้งอยู่ชายแดนริมฝั่งตรงข้ามกับเกาะฮ่องกง มีพื้นที่ 2,020 ตารางกิโลเมตร
ที่นี่มีการเจริญเติมโตเร็วมาก เพียง 30 กว่าปี มีบริษัทใหญ่ ๆ และโรงงานชื่อดัง ที่ผลิตสินค้าดัง ๆ ของโลก มาตั้งอยู่ที่นี่ เช่น Huawei / DJI และในปีนี้ GDP ของเซินเจิ้นได้แซงฮ่องกงไปแล้ว [http://www.chinadaily.com.cn/a/201902/28/WS5c7720fda3106c65c34ebd70.html]