การที่เราซื้อสินค้าจากต่างประเทศ และถูกส่งมายังประเทศไทยโดยไปรษณีย์ บางครั้งถ้าโชคดีอาจไม่ต้องเสียภาษี แต่บางครั้งต้องเสียภาษีโดยผ่านพิธีการศุลกากร เค้าจะมีใบแจ้งสีเขียวๆ ให้เราไปรับสินค้า
ซึ่งใบเขียวๆนี้ เรียกอย่างเป็นทางการว่า “ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ” หรือ Notification to Collect International Postal Items นั่นเอง
หน้าตาของ ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
หากเราต้องการไปรับเอง ก็แค่นำแบบแจ้งนี้พร้อมบัตรประชาชนตัวจริงเราไปรับของได้เลย ต้องดูที่ใบแจ้ง ว่าของอยู่ไหน อาจจะที่รองเมือง หรือหลักสี่ หรือที่ทำการที่ใบแจ้งเอาไว้ (กรณี สินค้ามูลค่าไม่เกิน 40,000 บาท ไม่ต้องทำใบขนสินค้า)
วันนี้ที่มาพูดถึงเรื่องภาษี ของที่ส่งสิ่งของมาจากต่างประเทศก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเคยสั่งของจากต่างประเทศก็หลายครั้ง แต่เพิ่งโดนเรียกเก็บภาษีเป็นครั้งแรก ซึ่งครั้งนี้สั่งซื้อรองเท้าจากประเทศอังกฤษ โดยผู้ส่งได้ declare สินค้าเป็นของขวัญ Gift และใส่ราคามา £19.99 (19.99 ปอนด์) ถ้าคิดเป็นเงินไทยตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันก็ประมาณ 978.18 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งตามหลักเกณฑ์พิธีการศุลกากร จะยกเว้นอากร คือ ของที่มีหลักเกณฑ์ 2 กรณี คือ มีราคาไม่เกิน 1,000.- บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) หรือ เป็นตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้แต่เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า ถึงแม้ว่าการซื้อสินค้าครั้งนี้จะมีราคาทางการค้าแต่ราคาสิ่งของที่ทางผู้ส่งได้แจ้งไว้มูลค่าไม่ถึง 1,000 บาท แต่กลับต้องเสียภาษี
ผู้ส่งจากอังกฤษแจ้งราคาในใบ Custom Declaration หรือ ใบ CN22 ไว้เพียง £19.99 เท่านั้น
ทางศุลกากรกลับประเมินราคารองเท้าคู่นี้ถึง 1,500 บาท ซึ่งจะไม่ได้รับการยกเว้นอากร โดยผมโดนเรียกเก็บภาษีดังนี้
รองเท้าราคาประเมิน 1,500 บาท
อากรขาเข้า 30% 450 บาท
Vat อีก 7% 137 บาท
รวมภาษีทั้งหมด 587 บาท
ศุลกากรประเมินราคารองเท้าคู่ 1,500 บาท พร้อมภาษีที่ต้องจ่ายทั้งหมด 587 บาท
(ยังไม่รวมค่าปฏิบัติการไปรษณีย์อีก 20 บาท)
สุดท้ายต้องบอกว่าทำใจ เพราะถ้าจะโต้แย้งการประเมินค่าภาษีอากรใหม่ เจ้าหน้าที่ที่ไปรษณีย์บอกว่า ต้องเสียเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทำคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อร้องขออุทธรณ์การประเมินราคา/ภาษีอากรใหม่ ซึ่งไม่คุ้มกับต้องเสียทั้งเวลายื่นคำร้องและต้องรอกว่าจะได้ของ
ทีนี้เรามาทำความเข้าใจ พิธีการศุลกากรนำเข้าทางไปรษณีย์ กันอย่างละเอียดกัน การคัดแยกสิ่งของส่งทางไปรษณีย์เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากร สิ่งของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยทางไปรษณีย์ จะถูกเปิดตรวจโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อตรวจคัดแยกในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ก่อนส่งมอบให้กับผู้มีชื่อรับรอง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1: ของยกเว้นอากร คือ ของที่มีหลักเกณฑ์ ดังนี้
1. ของแต่ละหีบห่อมีราคาไม่เกิน 1,000.- บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) หรือ
2. ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้แต่เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า
ของที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นผู้นำของไปส่งมอบให้แก่ผู้ที่มีชื่อรับของ ตามที่อยู่ผู้ฝากส่ง ระบุไว้ที่หน้าหีบห่อ
ประเภทที่ 2: ของต้องชำระอากร คือ ของที่ส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งถึงผู้รับคนหนึ่งในคราวเดียวกัน หรือเข้ามาถึงพร้อมกัน ไม่ว่าจะกี่หีบห่อ หากมีราคา FOB (Free On Board) รวมกันไม่เกิน 40,000.- บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) และไม่เป็นของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือไม่เป็นของต้องส่งตัวอย่างวิเคราะห์สินค้าก่อนปล่อย
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและค่าอากร แล้วส่งมอบของให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำส่งไปที่ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง เพื่อส่งมอบของให้แก่ผู้มีชื่อรับของและเรียกเก็บอากรแทนกรมศุลกากร โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออก “ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ” (Notification to Collect International Postal Items) และส่งไปให้ผู้มีชื่อรับของเพื่อแจ้งให้ไปรับของและชำระอากร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ โดยที่ทำการไปรษณีย์จะเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินแทนกรมศุลกากร
กรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจพบว่าของรายใดมีปัญหาในการประเมินราคา หรือผู้มีชื่อรับของต้องการใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะคัดแยกของดังกล่าวเป็นของประเภทที่ 3
การโต้แย้งการประเมินค่าภาษีอากร (ของประเภทที่ 2)
กรณี ที่ผู้รับของไปติดต่อขอรับสิ่งของที่ที่ทำการไปรษณีย์ และมีค่าภาษีอากรที่จะต้องชำระสำหรับสิ่งของนั้น ๆ หากผู้รับของประสงค์ที่จะโต้แย้งการประเมินค่าภาษีอากร ให้ทำคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจัดทำคำร้องขออุทธรณ์การประเมินราคา/ภาษีอากร สามารถพิมพ์แบบคำร้องได้ที่รูปด้านล่าง
(https://www.tung148.com/wp-content/uploads/2012/01/request_form.gif)
พร้อมแนบ “ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ” และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ถ้ามี เช่น บัญชีราคาสินค้า (Invoice) เป็นต้น ส่งถึงส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ กรมศุลกากร โดยตรง หรือส่งผ่านที่ทำการไปรษณีย์ที่ไปติดต่อรับของ แต่ทั้งนี้ ผู้รับของจะต้องยังไม่ชำระค่าภาษีอากร โดยเมื่อมีการยื่นคำร้องอุทธรณ์แล้ว ที่ทำการไปรษณีย์จะจัดส่งสิ่งของที่ได้อุทธรณ์นั้นไปยังส่วนบริการศุลกากร ไปรษณีย์และอากาศยาน เพื่อพิจารณาคำร้องอุทธรณ์ค่าภาษีอากรนั้นต่อไป และให้ผู้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ไปติดต่อขอรับของพร้อมชำระค่าภาษีอากรได้ที่ฝ่าย ตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน ถนนรองเมือง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
ประเภทที่ 3: ของอื่น ๆ นอกจากประเภทที่ 1 และ 2
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะส่งมอบของให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อส่งไปเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้า โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะออก “ใบแจ้งให้ไปรับสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ” (Notification to Collect International Postal Items) แล้วส่งไปให้ผู้มีชื่อรับของ เพื่อแจ้งให้ไปปฏิบัติพิธีการศุลกากรและขอรับของ ที่ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์ ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน หรือ ด่านศุลกากรที่ระบุไว้ในใบแจ้งฯ การปฏิบัติพิธีการศุลกากรสำหรับของประเภทที่ 3 สามารถดำเนินการได้ 2 กรณี คือ
1. กรณีของราคาไม่เกิน 40,000.- บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ผู้รับของไม่ต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประเมินราคาและจัดเก็บค่าภาษีอากร ณ จุดเดียวกัน โดยมีขั้นตอนการขอรับสิ่งของทางไปรษณีย์ ดังนี้
– กรอกเอกสารด้านหลังใบแจ้งฯ (ตามตัวอย่างที่จัดแสดงไว้) ยื่นเอกสารที่โต๊ะเบอร์ 1 รับหมายเลขบัตรคิว แล้วนั่งรอเรียกรับของ
– เปิดของร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามช่องที่ได้รับเรียกเพื่อประเมินราคาค่า ภาษีอากร ชำระค่าภาษีอากรแล้วรับใบปล่อยของจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร
– ยื่นใบปล่อยของที่จุดตรวจสอบหน้าประตูทางเข้าก่อนออกจากด่านศุลกากร
– ขั้นตอนในการดำเนินการขอรับของดังกล่าวใช้ระยะเวลา 36 นาที
2. กรณีของมีราคาเกินกว่า 40,000.- บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ผู้รับของจะต้องจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าระบบคอมพิวเตอร์กรมศุลกากร (ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์ ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำใบขนสินค้าขาเข้า และมี Counter Service ให้บริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์) โดยมีขั้นตอน ดังนี้
– ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือดำเนินการในกระบวนการศุลกากร ที่ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์ (กรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน)
– ผู้รับของส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (สามารถใช้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ที่ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และ อากาศยาน)
– ผู้รับของชำระภาษีอากร
– ผู้รับของติดต่อคลังสินค้าเพื่อนำของมาตรวจปล่อย
– เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจของตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และบันทึกผลการตรวจปล่อยในระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ระยะเวลา 30 นาที (ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยหรือตรวจพบความผิดซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ เวลาตรวจสอบโดยละเอียด)
– ผู้รับของนำของไปจากอารักขาของศุลกากร
2.2 พิธีการส่งออกสินค้าทางไปรษณีย์ สามารถดำเนินการได้ 2 กรณี คือ
2.2.1 กรณีฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ไปต่างประเทศ ให้กระทำได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งตามระเบียบข้อบังคับของ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายในบังคับของเงื่อนไขดังต่อไปนี้
– ไม่เป็นของต้องห้ามในการส่งออก
– ไม่เป็นของต้องกำกัดในการส่งออก
– ไม่เป็นของต้องเสียอากร หรือค่าภาคหลวงในการส่งออก
– การส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งไปถึงผู้รับคนหนึ่ง ไม่ว่าจะมีจำนวนกี่ห่อ มีราคารวมกันคราวหนึ่งไม่เกิน 10,000.- บาท สำหรับของทั่วไป หรือไม่เกิน 50,000.- บาท สำหรับเพชรพลอย เครื่องรูปพรรณทองคำ และเครื่องรูปพรรณทองคำขาว
– มิใช่การส่งออกที่ขอคืนอากร หรือขอรับเงินชดเชยค่าภาษีอากร
– มิใช่การส่งออกที่ขอใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามา
2.2.2. กรณีไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น ผู้ส่งออกต้องจัดทำใบขนสินค้าขาออกทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
– ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือดำเนินการในกระบวนการศุลกากร ที่ ฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์ (กรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน)
– ผู้ส่งออกส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาออกทางอิเล็กทรอนิกส์ (สามารถใช้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ที่ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และ อากาศยาน)
– ผู้ส่งออกชำระภาษีอากร (ถ้ามี)
– ผู้ส่งออกจัดทำใบกำกับการขนย้าย (สามารถใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
– ผู้ส่งออกนำของให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรณีเป็นใบขนสินค้าติดเงื่อนไขให้เปิดตรวจ
(Red Line) ใช้ระยะเวลา 30 นาที (ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สงสัยหรือตรวจพบความผิดซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้ เวลาตรวจสอบโดยละเอียด)
– ผู้ส่งออกนำของส่งออกไปฝากส่ง ณ ที่ทำการไปรษณีย์
– ผู้ส่งออกนำหลักฐานการส่งออก แจ้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรรับบรรทุก
3. อัตราค่าธรรมเนียม
3.1 การผ่านพิธีการศุลกากร และตรวจปล่อยสินค้าสำหรับใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก ฉบับละ 200 บาท
3.2 การบันทึกข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก ฉบับละ 70 บาท
4. แบบฟอร์มที่ใช้ปฏิบัติพิธีการศุลกากรและขอรับของ
– คำร้องขออุทธรณ์การประเมินค่าภาษีอากร (กรณีโต้แย้งการประเมินราคา/ภาษีอากร)
5. หน่วยงานอื่นที่ร่วมให้บริการ ณ ที่ทำการส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน
5.1 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข โทร. 0 2215 4511
5.2 ด่านตรวจพืชไปรษณีย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โทร. 0 2214 3712
6. สถานที่ติดต่อและแผนที่ ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน
ส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ กรมศุลกากร
127 ถนนรองเมือง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10000
โทรศัพท์ 0-2215-0966 ถึง 8 ต่อ 12 โทรสาร 0-2214-2395
เวลาทำการ วัน – เวลาราชการ: จันทร์ – ศุกร์ 08.30 – 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุด นักขัตฤกษ์)
กรณีมีปัญหาในการขอรับสิ่งของ โปรดติดต่อผู้บริหาร
1. ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากรไปรษณีย์และอากาศยาน โทรศัพท์ 0-2215-3717 โทรสาร 0-2214-2395
2. หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากรไปรษณีย์โทรศัพท์ 0-2215-0966 ถึง 8 ต่อ 24 โทรสาร 0-2216-8824
3. หัวหน้าฝ่ายตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ โทรศัพท์ 0-2215-0966 ถึง 8 ต่อ 20 โทรสาร 0-2216-8823